อ้วน… ได้ยินคำนี้ทีไร เจ็บจี๊ดที่หัวใจทุกที โดยเฉพาะกับคุณสาวๆ ด้วยแล้ว แทบจะหาสารพัดวิธี เพื่อลดความอ้วน และแม้เทรนด์สุขภาพจะมาแรง แต่ข้อมูลจากกรมอนามัยบอกว่าคนไทยเป็นโรคอ้วนสูงถึง 1 ใน 3 หรือ 34.9% และสาเหตุของโรคอ้วนมาจากอาหารถึง 70% เรามักเข้าใจกันว่า “ความอ้วน” มีสาเหตุเพราะไขมันสะสมในร่างกาย แต่รู้หรือไม่? ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเพียงขั่วข้ามคืน จะออกกำลังกายอย่างไรก็ไม่ลด !?
สาเหตุที่ว่านั้นคือ “เกิดอาการบวมน้ำจากโซเดียมเกิน” นั่นเอง ซึ่งโซเดียมในอาหารที่มีรสเค็มจะทำให้เกิดการบวมน้ำได้มากถึง 2 กิโลกรัม! โดยปกติปริมาณโซเดียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน คือ 2400 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับเกลือประมาณ 1 ช้อนชา แต่ในชีวิตประจำวัน เราได้รับโซเดียมเพิ่มมากขึ้นจากการปรุงรสอาหาร เช่น เติมน้ำปลาในอาหาร ซึ่งน้ำปลา 1 ช้อนชา
มีโซเดียมประมาณ 500 มิลลิกรัม หากเราเติมน้ำปลา 3 ช้อนชา ก็เท่ากับว่าร่างกายได้รับโซเดียมถึง 1,500 มิลลิกรัม ดังนั้นคนส่วนใหญ่ไม่ได้บริโภคเกลือแค่วันละ 1 ช้อนชาแน่ๆ นอกจากโซเดียมจะเป็นส่วนผสมในอาหารที่ปรุงรับประทานเพื่อเพิ่มรสเค็มแล้ว ยังเป็นส่วนผสมในอาหารแปรรูป อาหารหมักดองต่างๆ อาหารกระป๋อง และเครื่องดื่มแปรรูปต่างๆ
ดังนั้นแม้บางวันจะไม่ได้กินอะไรเค็มเลย ก็อาจกินโซเดียมจากอาหารอย่างอื่นโดยไม่รู้ตัว…
วิธีง่ายๆ ลดโซเดียมได้ในแต่ละวัน มี 5 วิธี ดังนี้
1.เลือกเครื่องดื่มที่มีโซเดียมต่ำ เช่น น้ำมะเขือเทศหลายยี่ห้อมีโซเดียมในปริมาณสูง ผู้เป็นโรคเกี่ยวกับความดันและโรคไต ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะสาวๆที่นิยมดื่มน้ำมะเขือเทศในปริมาณมากๆ เพื่อบำรุงสุขภาพและผิวพรรณควรเลือกดื่มน้ำมะเขือเทศชนิดที่มีโซเดียมต่ำ
2. ถอยห่างจากอาหารเค็มๆ เลี่ยงฟาสต์ฟู้ด ของหมักดอง พริกเกลือจิ้มผลไม้
3. น้ำซุปอูมามิ เช่น ในน้ำสุกี้ น้ำจิ้มจุ่ม น้ำก๋วยเตี๋ยว มีโซเดียมจากผงชูรสหรือผงปรุงรสต่างๆผสมอยู่สูงมาก ให้ลดปริมาณการกินลง
4. พรางตัวในตู้แช่ อาหารแช่แข็งในร้านสะดวกซื้อไม่ได้สดได้เพราะความเย็น แต่ที่แท้เพราะใส่โซเดียมในปริมาณสูงปรี๊ด เพื่อถนอมอาหารไม่ให้บูด หากลดไม่ได้ก็ควรบริโภคให้น้อยลง
5. ดื่มน้ำลดบวมน้ำ น้ำจะช่วยเจือจางโซเดียมในร่างกาย และถูกขับได้ง่ายในรูปปัสสาวะ รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ไม่อยากอ้วนบวมน้ำ ควรลดอาหารที่มีโซเดียมมากๆ และอย่าปล่อยให้ความอร่อยปาก ทำความลำบากให้ร่างกาย ได้อีกเลย…
แสดงความคิดเห็น