เฮ้อ! เกิดเป็นมนุษย์เงินเดือน นอกจากจะต้องทำงานเช้าสายบ่ายเย็น เพื่อให้ได้ค่าเหนื่อยแล้ว พอได้มาก็ยังใช้ได้ไม่ถนัดถนี่ ไหนจะค่าครองชีพที่สูง  ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าโดยสารสาธารณะที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีก นี่ยังต้องมาโดนส่งส่วนหนึ่งของเงินเดือนไปเป็นค่าเงินประกันสังคมอีกเหรอเนี่ย ? เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามไม่น้อยเกี่ยวกับเงินประกันสังคม และยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ของการส่งเงินก้อนนี้เป็นประจำทุกเดือนๆ วันนี้เราจะมานำเสนอถึงประโยชน์ของมัน ซึ่งรับรองได้ว่าคุ้มค่าจนคุณคาดไม่ถึงเลยละ

            ก่อนอื่นต้องบอกถึงจำนวนเงินก่อน ซึ่งจะหักจากเงินเดือน 5% ในทุกๆเดือน หมายความว่า สมมติได้รับ 15,000 บาท/เดือน คุณจะถูกหักเงินเป็นจำนวน 750 บาท เพื่อส่งเป็นเงินสมทบทุน แน่นอนว่าขั้นตอนนี้จะกระทำโดยเจ้านายของคุณ (เพราะฉะนั้นถ้าเดือนไหนคุณได้เงินต่ำกว่าที่โดนหักไป ก็ไม่เกี่ยวกับกรณีนี้แน่นอนนะฮ้าฟฟฟ) โดยเงินจำนวนนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน หากคิดจาก 750 บาท ส่วนแรก 3% = 450 บาท จะ เป็นเงินประกันชราภาพ ส่วนที่สอง 1.5% = 225 บาท เป็นเงินประกันสุขภาพ 0.5% = 75 บาท เป็นเงินประกันการว่างงาน

            สำหรับการรับเงินคืน รับได้ใน 2 กรณี คือ รับคืนช่วงทำงานกับรับคืนระหว่างเกษียณ ซึ่งเงินประกันสุขภาพกับเงินประกันการว่างงานจะสามารถรับได้ในช่วงทำงาน หากมีเหตุการณ์เจ็บไข้ได้ป่วยในทุกกรณี รวมทั้งทุพลภาพ คลอดบุตร ฯลฯ และหากเกิดการเลิกจ้าง หรือ ต้องการลาออกเกิดขึ้น ในขณะที่เงินประกันชราภาพที่รับได้ระหว่างเกษียณ จะมี 2 รูปแบบ 1. เงินบำเหน็จ เป็นจำนวนเงินก้อนที่เกิดจากการส่งเงินเกิน 1 ปี แต่ไม่ถึง 15 ปี 2. เงินบำนาญ เป็นเงินรายเดือนที่เกิดจากการส่งเงินเป็นระยะเวลานานกว่า 15 ปี นั่นเอง

            โดยหากเลือกรับระหว่างเกษียณ จำเป็นที่จะต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 1 ปี หลังเกษียณและห้ามเกินแม้แต่วันเดียวเท่านั้น มิฉะนั้น เงินก้อนนี้ จะถูกนำไปสมทบกับกองกลางทันที และขอคืนไม่ได้อีกเลยเสียด้วย แหม่ ! ช่างไม่สงสารคนแก่กันบ้างเลยนะเนี่ย แต่ในกรณีที่เกิดรับบำนาญไปไม่ถึง 5 ปี แล้วเสียชีวิต ทางรัฐก็จะชดเชยให้ โดยนำเงินเดือนที่เคยได้ x 10เข้าไป เพื่อชดเชยให้กับบุตรหลานแทน (ควรจะดีใจหรือเสียใจดีนะเนี่ยที่มารับหลังเกษียณ!) ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม เชื่อว่าไม่วันใดวันหนึ่ง คุณจะต้องมีโอกาสได้ใช้เงินจำนวนนี้แน่นอน เพราะยังไงชีวิตคนเรามีเกิดก็ต้องมีแก่ มีเจ็บก็ต้องมีป่วย เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว รับรองว่ามีประโยชน์ไม่มากก็น้อย แต่ที่รับประกันไม่ได้คงจะเป็นเรื่องงาน ก็ใครจะไปอ่านใจเจ้านายเราออกล่ะ จริงไหม? T^T #ร้องไห้หนักมาก