ช่วงวิกฤต “ท้องเสีย” แบบไหนบ้าง ที่ทรมานคุณจนเกือบวิ่งหาห้องน้ำแทบไม่ทัน คุณยังจำมันได้ดีอยู่ใช่ไหม ? เพราะช่วงวิกฤตเหล่านั้นอาจส่งผลเสียกับชีวิตของคุณในหลายๆด้าน เช่น ท้องเสียจนต้องลางาน ต้องยกเลิกนัดกับลูกค้าเลื่อนกำหนดการเที่ยวไม่มีกำหนด ฯลฯ อาการท้องเสียจะแบ่งหลักๆจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ท้องเสียแบบเฉียบพลัน และ ท้องเสียแบบเรื้อรัง ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจาก แบคทีเรีย ปรสติ ไวรัส ยา และอาหารเป็นพิษ ซึ่งวิธีสังเกตง่ายๆว่าตัวคุณเองอาจกำลังเจอช่วงวิกฤต ท้องเสีย ก็คือ การถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้งขึ้นไป แต่จะเป็นแบบไหนจะต้องใช้เวลาสังเกตนานกว่านั้นอีกซักหน่อย
แบบที่หนึ่ง ท้องเสียเฉียบพลัน จะมีระยะที่น้อยกว่า 2 สัปดาห์
แบบที่สอง ท้องเสียเรื้อรัง จะมีระยที่มากกว่า 2 สัปดาห์
(หากมีอาการท้องเสียแบบนี้ แนะนำให้รีบพบแพทย์ทันที)
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อท้องเสีย ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยหรือ คิดแค่ว่าเดี๋ยวก็คงหาย เพราะความเข้าใจผิดเหล่านี้ อาจทำให้คุณเสียเงินค่ารักษาที่มากกว่าเดิมได้ ดั้งนั้น คุณควรรู้ 3 วิธีจะต้องปฏิบัติ หากเกิดอาการท้องเสียไว้ด้วยจะดีที่สุดครับ
1. ดื่มสารละลายเกลือแร่ (โอ อาร์ เอส)
เพราะเมื่อคุณท้องเสีย สิ่งที่หายไปจากร่างกายก็คือน้ำและเกลือแร่ ดั้งนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายช็อกจากการขาดน้ำ คุณควรซื้อสารละลายเกลือแร่
ติดตัวหรือติดบ้านไว้ เพื่อเวลามีอาการท้องเสียจะได้ดื่มสารละลายเกลือแร่ตามทันที
- ทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย
การกินอาหารของคุณควรที่จะเปลี่ยนทันที เพื่อปรับกระเพาะให้เป็นปกติดีก่่อน อะไรที่คุณเคยกินอยู่ เช่น ขาหมู ข้าวมันไก่ ข้าวราดแกงเผ็ดๆ ให้หยุดไว้ก่อนเลย หันมากิน โจีก ข้าวต้ม แทนจะดีกว่า (สำหรับเด็กเล็กควรให้นมครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆหรือให้นมที่ไม่มีแล็กโตส)
- เลือกใช้ยาให้เหมาะสม
การเลือกกินยาที่ไม่เหมาะอาจส่งผลจะทำให้อาการท้องเสียแย่ลงกว่าเดิมคุณรู้จักชนิดยาที่เหมาะสมวัยของตัวคุณเอง
3.1 ยาแก้ท้องเสีย ชนิดยาลดการหลั่งสารน้ำในลำไส้
ในขณะที่เราท้องเสียจะเกิดอาการเสียน้ำ ยาตัวนี้จะทำให้เสียน้ำลดลง สามารถใช้ได้ทั้งท้องเสียชนิดติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ ซึ่งเหมาะกับเด็กอายุ 3เดือนขึ้นไปจนไปถึงผู้สูงอายุ
3.2 ยาแก้ท้องเสีย ชนิดยาลดการเคลื่อนไหวของลำไส้
เมื่อท้องเสีย ลำไส้จะเลื่อนไหวหรือที่เรียกว่าบิดจนเกิดอาการปวดจนตัวงอยาตัวนี้จะช่วยลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ แต่จะไม่ได้ช่วยขับเชื้อโรค
ส่งผลให้เชื้อโรคอาจเติบโตขึ้นได้ ดังนั้นถ้าหากใช้ยาตัวนี้ควรระวัง และไม่ควรใช้กับในเด็กหรือผู้สูงอายุ และห้ามใช้ในกรณีถ่ายเป็นมูกเลือด
3.3 ยาปฏิชีวนะ
ยาตัวนี้ใช้กำจัดเชื้อโรคได้ดี แต่จะใช้ได้เฉพาะกรณีที่ติดแบคทีเรียบางชนิดและปรสิต (โดยเฉพาะการถ่ายเป็นมูกเลือด) แต่ก่อนเลือกใช้ยาตัวนี้ควรปรึกษาแพทย์ , เภสัชกร ก่อนทุกครั้ง
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถหยุดท้องเสียได้อย่างปลอดภัยและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายใจแล้วล่ะครับ
แสดงความคิดเห็น