3  เครื่องมือสำหรับ Customer Research เพื่อคอนเทนต์ที่ทรงพลัง !

1. หมั่นเช็คคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณ

ใครบ้างที่เข้ามาชมเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือร้านค้าออนไลน์ของคุณ? เพื่อที่จะ Track จำนวนผู้เข้าชมและเก็บข้อมูลเชิงลึกของคนที่สนใจเอาไว้ได้ เราขอแนะนำเครื่องมือยอดนิยมอย่าง Google Analytics คือเครื่องมือที่ใช้ในการใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติของเว็บไซต์โดย Google Analytics สามารถให้เราดูข้อมูลเชิงลึกได้ทุก Content ในทุก Page ในเว็บไซต์ของเรา ยกตัวอย่างเช่น

ขอบคุณตัวอย่างจากเว็บไซต์ : http://contentmarketinginstitute.com/

จากตัวอย่างในรูปภาพ จะเห็นได้ว่า Google Analytics นั้นโชว์ 3 อันดับคอนเทนต์จากหน้าเว็บไซต์ของคุณที่มีคนเข้าชมมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเครื่องมือนี้ก็สามารถช่วยคุณให้ได้ข้อมูลมาวิเคราะห์แบบผิวเผินเท่านั้น ถ้าต้องการที่จะได้ข้อมูลที่แม่นยำและละเอียดมากกว่านี้ยังมีเครื่องมือที่คุณสามารถใช้ร่วมกับ Google Analytics ได้เพื่อให้ได้ผลที่เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นคือ Woopra, เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดผลเว็บไซต์ที่ละเอียด และมีประสิทธิภาพที่สุด Woopra นั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเจาะลึกพฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาชมในเว็บไซต์และแยกเป็นหมวดหมู่ได้ โดยทั้งนี้ยังสามารถดึงข้อมูลแบบ Real-Time ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น

ขอบคุณตัวอย่างจากเว็บไซต์ : http://contentmarketinginstitute.com/

ในขณะที่ google Analytics ให้ข้อมูลเชิงปริมาณได้เป็นอย่างดี Woopra ก็เรียกได้ว่าเจาะลึกในเชิงคุณภาพของผู้เข้าชมเว็บไซต์คุณทีเดียว จัดได้ว่าเป็นอีกหน่ึงเครื่องมือที่จะทำให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณมากขึ้นและสร้างคอนเทนต์ให้ชนะใจได้ไม่ยากเลยล่ะ
นอกเหนือจากนี้ ถ้าต้องการรู้ลึกยิ่งไปกว่านั้นว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์กดปุ่มไหนบ้าง พฤติกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มเข้าชมเว็บไซต์จนจบของผู้ใช้แต่ละคนเป็นอย่างไร Hotjar เป็นอีกเครื่องมือที่เจ๋งไม่แพ้กัน

ลองเข้าไปลองศึกษาดูได้ที่นี่เลย www.hotjar.com

รูปภาพจาก : www.hotjar.com

2. รู้ความต้องการลูกค้า เพื่อสร้างคอนเทนต์ได้ตรงใจ

ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าจะรู้ความต้องการของลูกค้าอย่างดีที่สุด Customer Development คือแนวคิดของ Steve Blank ผู้ประสบความสำเร็จจากการเขียนหนังสือ Lean Startup ที่เข้าใจการเผชิญหน้ากับกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีการพิสูจน์ว่า Customer Development สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือหรือกระบวนการที่จะช่วยให้นำไปสู่ความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้  Alex Turnbull , Co-Founder ของ Groove (ซอฟแวร์ที่ช่วยในการจัดการ Customer Service) ได้ใช้ Customer Development ในการเข้าใจว่าผู้ใช้รู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ของเขาแต่ในขณะเดียวกันก็ได้รู้มากขึ้นเกี่ยวกับลักษณะ ของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการผลิตภัณฑ์ของเขา ซึ่งส่งผลดีในการทำคอนเทนต์มาร์เกตติ้ง แต่นำเอามาใช้อย่างไรล่ะ? อาจเริ่มต้นด้วยการส่งอีเมลล์ตอบกลับหาลูกค้าของคุณส่วนตัวไม่ใช่อีเมลล์ของบริษัท แสดงถึงความจริงใจ บอกกับเขาว่า คุณเข้าใจปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่  ตัวอย่างด้านล่างนี้เป็นวิธีการที่ Alex เข้าถึงลูกค้า:

จากภาพ Alex ได้ส่งอีเมลล์ถึงลูกค้าของเขาโดยบอกเล่าว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับการพัฒนาโปรดักส์ของเขาบ้าง และเขาอยากให้ลูกค้าช่วยในเรื่องอะไร รวมถึงในอีเมลล์ยังทิ้งท้ายให้ตอบกลับ นับได้ว่าเป็นวิธีหนึ่งที่ง่ายแสนง่ายเพื่อที่จะได้ข้อมูลจากลูกค้ามาพัฒนาต่อแบบง่ายดาย

ขอบคุณตัวอย่างจากเว็บไซต์ : http://contentmarketinginstitute.com/  

นับได้ว่าเป็นตัวอย่างอีเมลล์ที่ดี นอกเหนือจากการที่ CEO ได้เข้าถึงลูกค้าด้วยตัวเองแล้ว คุณยังอาจได้การตอบกลับจากลูกค้าที่เป็น loyal customer ส่งผลให้ได้ข้อมูลที่สามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณได้อีกด้วย ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาลูกค้าไม่ใช่แค่การเข้าใจความต้องการของเขา แต่เข้าใจถึงว่าทำไมลูกค้าถึงต้องการผลิตภัณฑ์ของคุณ ยังไงก็ลองศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Customer Development และเลือกวิธีการเอาไปใช้พัฒนาคอนเทนต์ของคุณให้ดีล่ะ

3. ใช้ เครื่องมือ Social Listening เพื่อฟังเสียงของผู้บริโภคได้ชัดมากขึ้น

ในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้เรารู้ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของคุณ และเลือกสิ่งที่เขาสนใจหรือพูดถึงมาพัฒนาคอนเทนต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น เครื่องมือแรกเราจะพาไปรู้จัก Mention ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ไว้ดูว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณพูดอะไรเกี่ยวกับเราบ้าง โดยสามารถมอนิเตอร์ได้จากหลากหลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ เว็บบอร์ด ฯลฯ

เว็บไซต์  : https://mention.com
คุณสามารถทดลองได้โดยการเลือกมอนิเตอร์ แบบ Anything else

และพิมพ์คีย์เวิดที่คุณต้องการจะค้นหา จากนั้นคลิกเลือกช่องทางที่คุณต้องการจะมอนิเตอร์และภาษา หลังจากนั้นคุณก็จะได้รับ Alert จากทุกแพลตฟอร์มเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้นๆที่ต้องการ แต่บางครั้งเครื่องมืออย่าง Mention อาจจะเป็นการมอนิเตอร์แบบกว้างเกินไป เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงข้อมูลที่เยอะเกินจนไม่จำเป็น คุณยังสามารถเลือกใช้ BuzzSumo ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราทราบถึงเทรนด์คอนเทนต์ที่คนพูดถึงในโลกออนไลน์มากที่สุดโดยแสดงถึงจำนวนที่ผู้ใช้พูดถึงในทุกแพลตฟอร์มเช่นกัน ตัวอย่างการค้นหาจาก  BuzzSumo :

ขอบคุณตัวอย่างจากเว็บไซต์ : http://contentmarketinginstitute.com/

การทำคอนเทนต์ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น ไม่ใช่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์หรือวิธีการที่เราเลือกนำมาใช้อย่างเดียว เรายังจะต้องศึกษาข้อมูลของลูกค้าเชิงลึกและพฤติกรรมของเขาบนโลกออนไลน์ นำมาวิเคราะห์และนำไปพัฒนาสร้างคอนเทนต์ให้ตรงใจคนมากยิ่งขึ้น ยิ่งคุณรู้ Insight ของเขามากเท่าไร คุณยิ่งสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ไม่ยาก! เป็นอย่างไรบ้างครับ ชาว Infographic สามารถนำเอาเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้กันได้นะ
ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บไซต์ :  http://contentmarketinginstitute.com/

สนใจทำบทความ และ Advertorial ติดต่อได้ที่ 
http://www.infographicthailand.com/contact-form
หรือ คุณโรส 099-449-2654